คอลลาเจน (
Collagen) มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก คือ Kolla ซึ่งแปลว่ากาว
คอลลาเจน
เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ประสานกันเป็นเส้นใยอยู่ใต้ชั้นผิวหนังแท้
ทำหน้าที่เสริมความเรียบตึงให้แก่ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังดูเรียบเนียน
ในวัยเด็ก
คอลลาเจน ยังไม่เสื่อมสลายและมีจำนวนมาก
จึงทำให้เห็นว่าเด็ก ๆ
หรือวัยรุ่นที่กำลังแตกเนื้อหนุ่มสาวมีผิวหนังที่เต่งตึง
แต่เมื่อมีวัยมากขึ้น เส้นใย
คอลลาเจน
เหล่านี้จะเสื่อมสลายและมีปริมาณลดลง ทำให้ชั้นผิวหนังยุบตัวลง
อันเป็นต้นเหตุของความเหี่ยวย่นและริ้วรอย ยิ่งสูงวัยขึ้นเท่าใด
ริ้วรอยแห่งวัยก็เห็นชัดขึ้นเท่านั้น
ริ้วรอยแรกที่มาเยือนที่เป็นที่รู้จักกันดีก็คือ รอยตีนกา
เนื่องจากผิวหนังรอบดวงตามีความบอบบางมาก
อีกทั้งกล้ามเนื้อรอบดวงตาก็เป็นกล้ามเนื้อวงกลม ไม่มีอะไรยึด
ผิวรอบดวงตาก็เลยจะเหี่ยวมากกว่าที่อื่น
อัตราการเริ่มสูญเสียคอลลาเจน (Collagen) เมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป
- อายุ 30-39 ปี ผิวจะเริ่มมีรอยย่นบางๆ ทอดยาวบริเวณหน้าผาก
มีริ้วรอยเล็กๆ
ใต้ขอบตาล่างและหางตาจะเห็นชัดเวลายิ้มและมีรอยย่นตรงระหว่างคิ้วซึ่งจะเห็น
ชัดเวลาหน้านิ่ว มีริ้วรอยบางๆ ที่ร่องแก้มจากจมูกจนถึงเหนือริมฝีปาก
อาจเกิดไฝ กระ ฝ้าทั้งแบบลึกและตื้นขนาดของรูขุมขนจะเห็นชัดขึ้น
- อายุ 40-49 ปี รอยย่นบริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้ว
ใต้ขอบตาล่างและหางตาเห็นชัดเจนมากขึ้น รอยย่นข้างแก้ม
และร่องแก้มลึกทอดยาวไปจนจดมุมปาก
มีฝ้าชนิดลึกมากขึ้นสภาพผิวเริ่มแห้งมีรูขุมขนใหญ่และเริ่มจะเป็นสิวอีก
ครั้ง มีติ่งเนื้อขึ้นกระจัดกระจายเป็นตุ่มเล็กๆ
สีน้ำตาลภาวะนี้เรียกว่าวัยเริ่มตกกระ
- อายุ 50-64 ปี ผิวจะมีสภาพเหมือนกับวัย 40-49 ปี
แต่จะมีรอยย่นตามร่องแก้มลึกทอดยาวไปจนถึงบริเวณใต้มุมปาก
มีฝ้าเกิดขึ้นและติ่งเนื้อมีขนาดใหญ่ขึ้น
- อายุ 65 ปี ขึ้นไปผิวหนังหยาบกร้าน มีริ้วรอยทั่วหน้า
ริมฝีปากบางมีรอยย่นเหนือริมฝีปาก ส่วนการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ คล้ายกับวัย
50-64 ปี
ดังนั้น
จึงถือว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติที่ต้องเกิดขึ้นกับ
ทุกคนโดยที่เราไม่สามารถหยุดยั้งได้
แต่เราสามารถช่วยชะลอความเสื่อมของผิวพรรณและรักษาผิวไว้ให้ดูดีให้นาน
ที่สุดได้เช่นเดียวกัน โดยการใช้ สารสกัดโปรตีน
คอลลาเจน (
Collagen) เพื่อทดแทน
คอลลาเจน (
Collagen) ที่สูญเสียไป
คอลลาเจน มีส่วนช่วยในการป้องกันอวัยวะในร่างกาย
และเชื่อมอวัยวะต่างๆ ให้อยู่ด้วยกัน ช่วยให้โครงสร้างของร่างกายแข็งแรง
และยืดหยุ่นดี ช่วยให้ข้อต่อต่างๆ ขยับเคลื่อนไหวไปมาไม่ติดขัด
โดยเฉพาะข้อต่อในการรับน้ำหนักและขยับเคลื่อนไหวในอิริยาบถต่างๆ
เช่นเดินหรือวิ่ง เป็นต้น
นอกจากนี้
คอลลาเจนยัง
เป็นตัวช่วยให้ผิวพรรณเกิดความชุ่มชื้น เสริมความเรียบตึงให้กับผิวหนัง
ทำให้ผิวดูเรียบเนียนกระชับ โดยทำงานคู่กับโปรตีนอีกชนิดหนึ่งที่ชื่อ “
อิลาสติน” (
Elastin) ในขณะที่
คอลลาเจน มีหน้าที่เสมือนโครงร่างผิว อีลาสติน ก็ทำหน้าที่ให้ความยืดหยุ่นแก่ผิว ควบคู่กันไปด้วย
ร่างกายของคนเรานั้นจะมี
คอลลาเจน หนาแน่นในวัยเด็ก และจะค่อยๆ เสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา จึงเห็นได้ว่าเมื่ออายุมากขึ้น เส้นใย
คอลลาเจน
เหล่านี้จะเสื่อมสลาย
ทำให้ชั้นผิวหนังยุบตัวลงอันเป็นสาเหตุของความเหี่ยวย่นและริ้วรอย
รวมถึงการเกิดปัญหาข้อเสื่อม กระดูกเสื่อม อันเนื่องมาจาก
คอลลาเจน ใน กระดูก ลดลง ทำให้ กระดูก ไม่สามารถรับน้ำหนักได้ ขาดความยืดหยุ่น เปราะหักง่าย เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เราสามารถเสริมสร้าง
คอลลาเจน ให้แก่ร่างกายได้เพื่อลดรอยเหี่ยวย่น ด้วยการรับประทาน
คอลลาเจน หรือ วิธีการฉีด
คอลลาเจน เข้าใต้ชั้นผิวหนังแท้ แต่วิธีการฉีดนั้นค่อนข้างจะยุ่งยาก เพราะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นการเสริม
คอลลาเจนให้กับร่างกายด้วยวิธีการรับประทานจึงเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดโดยพบว่าคนที่มีอายุ 25 ขึ้นไป จะมีปริมาณ
คอลลาเจน ลดลงทุกปี ปีละ 1.5%
เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของชั้นผิวหนังและเพื่อเสริมให้กระดูกแข็งแรง ควรรับประทาน
คอลลาเจน และ
แคลเซียม เสริมจะช่วยป้องกัน ภาวะกระดูกพรุนได้