Tuesday, September 10, 2013

'เล้าเป้งง้วน' ขายเข้ากองทุน ระดมเงินสร้างโครงการ กทม.-ภูเก็ต



ธนาพัฒน์ฯ จ่อขายตึกเล้าเป้งง้วนเข้ากองทุนเผยอยู่ระหว่างยื่นไฟลิ่ง คาดเปิดขายได้ภายในสิ้นปีนี้ ระบุสร้างรายได้ค่าเช่าปีละกว่า150 ล้านบาท จ่อนำเงินลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ทั้งในกรุงเทพและภูเก็ต

ดร.ดลพิวัฒน์ ปรีดาวิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนาพัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน)หรือ TNP เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะนำอาคารสำนักงานเล้าเป้งง้วน ถนนวิภาวดี เข้ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โดยได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)เป็นผู้ดำเนินการยื่นไฟลิ่ง ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยได้ดำเนินการไปเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา และมีบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้แทนการจัดจำหน่าย

"ขณะนี้อยู่ระหว่างการรออนุมัติจาก ก.ล.ต. คาดว่าจะสามารถขายหน่วยลงทุนได้ภายในปีนี้ โดยบริษัทฯมั่นใจว่าผู้ที่เข้ามาถือหน่วยลงทุนจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าและมั่นคง เพราะอาคารสำนักงานดังกล่าวมีรายได้จากค่าเช่าอย่างต่อเนื่องปีละ 150 ล้านบาทขึ้นไป และมีการปรับราคาเช่าอย่างต่อเนื่อง ครั้งละประมาณ 3-5 %" ดร.ดลพิวัฒน์กล่าว

อนึ่งอาคารเล้าเป้งง้วน เป็นอาคารสำนักงาน สูง 32 ชั้น มีพื้นที่ขาย-เช่า รวม 35,000 ตารางเมตร(ตร.ม.) ปัจจุบันมีผู้เช่ารวมกว่า 90% โดยราคาเช่าปัจจุบันอยู่ที่ 450 บาท/ตร.ม./เดือน ซึ่งเป็นการทำสัญญาเช่า 3 ปี ต่อ 3 ปี
      
ทั้งนี้ เงินที่ระดมทุนได้ จะนำไปใช้ใน 2 ส่วนคือ ใช้หนี้สถาบันการเงิน และซื้อที่ดิน เพื่อพัฒนาโครงการต่อเนื่องในปี 2557 ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ ทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นไป ประมาณปีละ 2,000-3,000 ล้านบาทขึ้นไป

โดยที่ดินที่จะซื้อเพื่อพัฒนาโครงการนั้นบริษัทฯจะรุกทั้งโครงการคอนโดฯ-ทาวน์โฮม ในกรุงเทพฯและภูเก็ต ประมาณ 3-4 โครงการ ขณะนี้มีที่ดินรองรับแล้ว 1 แปลงคือย่านสาธุประดิษฐ์ บนที่ดิน 20 ไร่ (เดิมเป็นโรงงานเหล็กขึ้นรูปของกลุ่มเล่าเป้งง้วน ปัจจุบันย้ายไปรวมกันที่โรงงาน จ.สมุทรปราการแล้ว)โดยจะแบ่งพัฒนาเป็นเฟสๆ แรก ใช้ที่ดินประมาณ 6 ไร่ พัฒนาเป็นทาวน์โฮม สูง 4 ชั้น ขนาด 20 ตารางวา ราคาเฉลี่ยประมาณ 13 ล้านบาท จำนวนกว่า 60 ยูนิต มูลค่ากว่า 900 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดขายประมาณเดือนพฤศจิกายน 2556 นี้


นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีแผนที่จะซื้อที่ดินบริเวณใกล้เคียงเพิ่ม เพื่อพัฒนาโครงการในอนาคต ขณะนี้อยู่ในระหว่างการอีกทั้งยังอยู่ในระหว่างการเจรจาซื้อที่ดินย่านวิภาวดี พหลโยธิน ส่วนที่ดินสะสมที่ภูเก็ตประมาณ 3 แปลงๆ ละประมาณ 10 ไร่ มีแผนที่จะนำมาทะยอยพัฒนา โดยคาดว่าจะเริ่มพัฒนาได้ในช่วงกลางปีหน้า
      
       " เราสนใจลงทุนอาคารสำนักงานอีก แต่ด้วยกฎหมายใหม่ส่งผลให้พัฒนายาก และไม่คุ้มค่าการลงทุน หากพัฒนาต้องมีที่ดินเดิมหรือเป็นที่เช่า แต่เชื่อว่าความต้องการอาคารสำนักงานยังมีอีกมาก ทั้งนี้หากมีโอกาสก็จะกลับมาพัฒนา โดยเน้นที่ดินเกาะแนวรถไฟฟ้าเป็นหลัก".

No comments:

Post a Comment